
มูลนิธิมหาโพธิธรรม
จาริกแสวงบุญปฏิบัติธรรม ณ ประเทศอินเดีย-เนปาล
ตามรอยศรัทธาพระพุทธเจ้า สวดมนต์ปฎิบัติสมาธิภาวนา
นมัสการสังเวชนียสถานทั้ง 4 ตำบล
เยือนเมือง ลุมพินี – พุทธคยา – สารนารถ – กุสินารา
วันแรก กรุงเทพฯ - ย่างกุ้ง - หงสาวดี - พระธาตุมุเตา – พระธาตุอินทร์แขวน (๒๑ กค.๖๑
09.30 น. พร้อมกันที่ สนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ประตู 2 เคาน์เตอร์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย
11.35 น. ออกเดินทางสู่ กรุงย่างกุ้ง โดยเที่ยวบิน FD 255
** บริการอาหารร้อนและเครื่องดื่มบนเครื่อง **
12.20 น. เดินทางถึง สนามบินมิงกาลาดง กรุงย่างกุ้ง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองฯ -เดินทางสู่ เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค (Bago) ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองมอญโบราณที่ยิ่งใหญ่ และ อายุมากกว่า 400 ปี อยู่ห่างจากเมืองย่างกุ้ง (ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม.
-เข้าชม พระธาตุที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี เป็นเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองและเป็น 1 ใน 5 มหา บูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า เจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา (Shwe Mordore) ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า
-เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย เดินทางต่อสู่ เมืองไจ้โท แห่งรัฐมอญ ระหว่างทางจะได้พบกับสะพานเหล็กที่ข้ามผ่านชม แม่น้ำสะโตงฯ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ฯเดินทางสู่ พระธาตุอินทร์แขวน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็จะถึง คิ้มปูนแค้มป์ เพื่อทำการเปลี่ยนเป็นรถท้องถิ่น บรรทุกหกล้อ3รถประจำเส้นทางชนิดเดียวที่เราจะสามารถขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนได้) เจดีย์ไจ้ทีโย หรือ พระธาตุอินทร์แขวน Kyaikhtiyo Pagoda (Golden Rock)
วันที่สอง .พระธาตุอินทร์แขวน- ย่างกุ้ง- พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี-เจดีย์ชเวดากอง.๒๒กค.
05.00 น. สำหรับอาหารที่จะใส่บาตร สามารถซื้อได้โดยจะมีร้านค้าจำหน่ายราคาอาหาร
06.30 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
07.30 น. นำท่านอำลาที่พัก ออกเดินทางกลับ เปลี่ยนนั่งรถหกล้อ
พุทธไสยาสน์เจ้าทัตจีที่ย่างกุ้ง แต่ก็งามกว่าโดยพระบาทจะวางเหลื่อมพระบาท ซึ่งจะเป็นลักษณะที่ไม่เหมือนกับพระนอนของไทยจากนั้น นำชม เจดีย์ไจ๊ปุ่น พุทธเจ้า (ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) กับพระพุทธเจ้าในอดีต สามพระองค์คือ พระพุทธเจ้ามหากัสสปะ (ทิศตะวันตก) เล่ากันว่าสร้างขึ้นโดยสตรีสี่พี่น้องที่มีพุทธศรัทธาสูงส่งและต่างให้สัตย์สาบานว่าจะรักษาพรหมจรรย์ไว้ชั่วชีวิต ต่อมา 1 ใน 4 สาวหนีไปแต่งงาน ร่ำลือกันว่าทำให้พระพุทธรูปองค์นั้นเกิดฯ
เที่ยงอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร **เมนูพิเศษกุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่ท่านละ 1 ตัว **
บ่ายหลังอาหารนำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงย่างกุ้ง สักการะ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (Kyauk Htatgyi Buddha) หรือ พระนอนตาหวาน ซึ่งเป็นพระที่มีความพระที่มีความสวยที่สุดมีขนตาที่งดงาม พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ และพระบาทซ้อนกันซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทยนำท่านชม เจดีย์โบตาทาวน์
จากนั้นนำท่านขอพร นัตโบโบยี หรือ พระเทพทันใจ เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าและชาวไทย
เย็นนำท่านชมและนมัสการ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่า อายุกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปี บนยอดประดับด้วยเพชรพลอยและอัญมณีต่างๆ จำนวนมาก และยังมีเพชรขนาดใหญ่ประดับอยู่บนยอดบริเวณเจดีย์จะได้ชมความงามของวิหารสี่ทิศ ซึ่งทำเป็นศาลาโถงครอบด้วยหลังคาทรงปราสาทซ้อนเป็นชั้นๆ งานศิลปะและสถาปัตยกรรมทุกชิ้นที่รวมกันขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพุทธเจดีย์ล้วนมีตำนานและภูมิหลังความเป็นมาทั้งสิ้น
-ชม ระฆังใบใหญ่ ที่อังกฤษพยายามจะเอาไปแต่เกิดพลัดตกแม่น้ำย่างกุ้งเสียก่อน อังกฤษกู้เท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น ภายหลังชาวพม่าช่วยกันกู้ขึ้นมาแขวนไว้ที่เดิมได้ จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีซึ่งชาวพม่า ถือว่าเป็น ระฆังศักดิ์สิทธิ์ ให้ตีระฆัง 3 ครั้งแล้วอธิษฐานขออะไรก็จะได้ดั่งต้องการจากนั้นให้ท่านชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรโดยจุดชมแต่ละจุดท่านจะได้เห็นแสงสีต่างกันออกไป เช่น สีเหลือง, สีน้ำเงิน, สีส้ม, สีแดง เป็นต้น
วันที่สาม ย่างกุ้ง - พุกาม - โชว์พื้นเมืองเชิดหุ่น ๒๓ กค.
05.00 น. รับประทานอาหารเช้า แบบกล่องจากทางโรงแรม
06.00 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินมิงกาลาดง อาคารผู้โดยสายภายในประเทศ
7.00 น. บินสู่สนามบินยองลู สู่เมืองประวัติศาสตร์พุกาม การบิน Air Man- เที่ยวบินที่ 6T 401
08.25 น. เดินทางถึง เมืองพุกาม(Bagan)
นำท่านชม พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda)
พระเจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ซึ่งเป็นสถูปดั้งเดิมของพม่าโดยแท้ มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นหลังพระเจ้าอโนรธาขึ้นครองราชย์ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากพระสรีระหลายส่วน มีลักษณะเป็นสีทองขนาดใหญ่ ใช้เป็นทั้งที่ประชุมสวดมนต์ และศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในพุกาม
-ชม วัดอนันดา (Ananda Temple)ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของกำแพงเมือง เป็นวัดสีขาว มองเห็นได้ชัดเจน สร้างเสร็จเมื่อปี 1091 ซึ่งวิหารแห่งนี้นับได้ว่าเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพุกาม มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมุขเด็จยื่นออกไปทั้ง 4 ด้าน ซึ่งต่อมาเจดีย์แห่งนี้เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมพม่าในยุคต้นของพุกาม และสิ่งที่น่าทึ่งของวิหารแห่งนี้ก็คือ ที่ช่องหลังคาเจาะเป็นช่องเล็กๆ ให้แสงสว่างส่องลงมาต้ององค์พระ ให้มีแสงสว่างอย่างน่าอัศจรรย์
-จากนั้นพาท่านชม วัดมนุหา(Manuha Temple) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของหมู่บ้านมยินกะบา สร้างเมื่อปี 1059 โดยพระเจ้ามนูหะกษัตริย์แห่งมอญ เพื่อสั่งสมบุญไว้สำหรับชาติหน้า จึงได้นำอัญมณีบางส่วนไปขายมาสร้างวัดนี้ โครงสร้างวิหารค่อนข้างแคบ มีพระนอนหนึ่งองค์ กับพระพุทธรูปอีกสามองค์นั่งเบียดเสียดอยู่ภายใน
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านแวะชมสิ่งของขึ้นชื่อของพุกามก็คือ เครื่องเขิน (Lacquer Ware) ซึ่งยอมรับกันว่ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่าฯ แล้วกับไปคืนรูปได้ดังเดิม จากนั้นพาท่านเที่ยว วัดกุบยางกี (Gubyaukkyi Tempel) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ โดดเด่นคือ ภาพจิตกรรมฝาผนังฯ ที่ยังคงเหลืออยู่
-จากนั้นเข้าชม วัดติโลมินโล (Htilominlo Temple สร้างขึ้นเมื่อปี 1211 โดยพระบัญชาของพระเจ้านันต่าว-มยา เป็นพระโอรสในพระเจ้านรปติสิทธู ซึ่งเกิดกับนางห้ามผู้หนึ่ง และได้เสี่ยงทางเลือกให้เป็นราชทายาท เป็นวัดสูง 46 เมตร ยาว 43 เมตร เท่ากันทั้ง 4ด้านมีพระพุทธรูปประดิษฐ์ฐานอยู่4 ทิศ ทั้งสองชั้น มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่กับลวดลายปูนปั้น อันประณีตสวยงาม สร้างโดยพระติโลมินโล เมื่อปี พ.ศ.1761 ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามมากทั้งภายในและภายนอก
-นมัสการ เจดีย์สัพพัญญู ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม
ชม วิหารธรรมยันจี (Dhammayangyt) สร้างโดยพระเจ้านะระตู่ และพระองค์ก็เชื่อว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อล้างบาป ด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจะติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า ตั้งโดดเด่นยิ่งใหญ่ตระหง่านดังตำนานที่โหดร้ายได้เล่าต่อกันมา
จากนั้นนำท่านเดินทางชมและเก็บภาพพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ณ เจดีย์ชเวซานดอว์ (Shwesandaw Pagoda) ท่านสามารถมองเห็นทุ่งทะเจดีย์ในมุม 360 องศา ได้จากเจดีย์แห่งนี้
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร พร้อมชมโชว์เชิดหุ่นกระบอกท่านจะได้ชมการเชิดหุ่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริง พร้อมลิ้มรสอาหารพื้นเมือง
พักที่ SU TIEN SAN HOTEL (หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว )
วันที่สี่ พุกาม-มัณฑะเลย์ - พระราชวังมัณฑะเลย์ -อมรปุระ – เขามัณฑะเลย์ ๒๔.กค.
06.30 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.05 น. เดินทางไปสนามบินพุกาม สู่เมืองมัณฑะเลย์ โดยสายการบิน Air Mandalay เที่ยวบินที่ 6T401
08.35 น. ถึง สนามบินมัณฑะเลย์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
-นำท่านชม พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace)
พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) พระราชวังที่ส่วนใหญ่ก่อสร้างด้วยไม้สักที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย
สงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 20 มีนาคม 2488 เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตร โดยกองทัพอังกฤษได้ทิ้งระเบิดจำนวนมากมาย ถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์ของพม่าด้วยเหตุผลว่า พระราชวังนี้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของกองทัพญี่ปุ่น เป็นหน้ากลองหลงเหลือก็แต่ป้อมปราการ และคูนํ้ารอบพระราชวังที่ยังเป็นของดั่งเดิมอยู่ ปัจจุปันพระราชวังที่เห็นอยู่เป็นพระราชวังที่รัฐบาลพม่าได้จำลองรูปแบบของพระราชวังของเก่าขึ้นมา
-นำท่านไป พระราชวังไม้สักชเวนานจอง (Golden Palace Monastry)
พระราชวังไม้สักชเวนานจอง (Golden Palace Monastry) วังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีตอ่อนช้อย ทั้งหลังคา บานประตูและหน้าต่าง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้าสร้างโดยพระเจ้ามินดงในปี พ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐาน แต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าธีบอ หรือ สีป่อ พระโอรสก็ทรงยกวังนี้ถวายเป็นวัด ถือได้ว่าเป็นงานฝีมือที่ประณีตของช่างหลวงชาวมัณฑะเลย์อย่างแท้จริง
-นำท่านชม วัดกุโสดอ (Kuthodaw Pagoda)
วัดกุโสดอ เป็น วัดที่พระเจ้ามินดงทรงโปรดฯให้มีการจัดสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5 ของโลกขึ้น โดยทรงให้จารึกพระไตรปิฎกจำนวน 84,000 พระธรรมขันธ์ลงบนแผ่นหินอ่อน 729 แผ่น รวม1,428 หน้า และได้สร้างมณฑปสีขาวครอบแผ่นจารึกหินอ่อนเหล่านี้ไว้ (1 แผ่นต่อ 1 มณฑป) เรียงรายรอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน ที่จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกามหนังสือกินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ว่า “หนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านสู่ เมืองมิงกุน โดยการล่องเรือไปตามแม่น้ำอิระวดีสู่มิงกุน จากท่าเรือใกล้เจดีย์ชเวไจยัต เขตเมืองอมรปุระ ทวนน้ำไป หมู่บ้านมิงกุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอมรปุระ แต่อยู่บนเกาะกลางลำน้ำอิรวดีและไปได้ด้วยเส้นทางเรือเท่านั้นทว่ามีอนุสรณ์สถานที่แสดงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าปดุง ระหว่างทางจะได้เห็นหมู่บ้านอิรวดีที่มีลักษณะเป็น “กึ่งบ้านกึ่งแพ” เนื่องจากระดับน้ำอิรวดีในแต่ละฤดูกาลจะมีความแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะฤดูน้ำหลาก ระดับน้ำจะขึ้นสูงกว่าฤดูแล้วกว่า 10 เมตร ชาวพม่าจึงนิยมสร้างบ้านกึ่งแพ คือถ้าน้ำขึ้นสูงก็ร่วมแรงกันยกบ้านขึ้นที่ดอนครั้นน้ำลงมากก็ยกบ้านมาตั้งใกล้น้ำเพื่อความสะดวกสบายในการใช้แม่น้ำในชีวิตประจำวัน
-นำท่านชม เจดีย์มิงกุน เจดีย์มิงกุน ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุนหรือเจดีย์จักรพรรดิเพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุงจีนโดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์ในสมัยพุกาม และใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าพระปฐมเจดีย์ในสยาม ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ข้าทาสชาวยะไข่หรืออาระกันจำนวน 50,000 คนหลบหนีการขดขี่แรงงานไปอยู่ในเขตเบงกอล เป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษแล้วทำการซ่องสุมกำลังเป็นกองโจรลอบโจมตีกองทัพพม่าอยู่เนืองๆโดยพม่ากล่าวหาว่าอังกฤษหนุนหลังกลายเป็นฉนวนให้เกิดสงครามอังกฤษ-พม่าอันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พม่าเสียเมืองในที่สุดอย่างไรก็ตาม งานก่อสร้างเจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง7 ปี พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต ภายหลังทรงพ่ายแพ้ไทยในสงครามเก้าทัพ มหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในพระราชหฤทัยของพระองค์จึงปรากฏเพียงแค่ฐานทว่าใหญ่โตมหึมาดั่งภูเขาอิฐที่มีความมั่นคงถึง 50 เมตร ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร ส่วนรอยแตกร้าวตรงกลางฐานเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี
-ระฆังมิงกุน ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุนคือระฆังมิงกุนพระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้างโดยสำเร็จ เพื่อทิศทวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่า พระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบจึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแห่งหนึ่งแห่งพระราชวังเครมลินในกรุงมอสโกเพียงใบเดียวทว่าระฆังเครมลินแตกร้าวไปแล้ว ชาวพม่าจึงภาคภูมิใจว่าระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวานทั้งนี้เคยมีการทดสอบความกว้างใหญ่ของระฆังใบนี้ โดยให้เด็กตัวเล็กๆไปยืนรวมกันอยู่ใต้ระฆังได้ถึง100 คน
-เจดีย์ชินพิวมิน (เมียะเต็งดาน) ประดิษฐานอยู่เหนือระฆังมิงกุนไม่ไกล ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่ามากแห่งหนึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2359โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี” เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยภูมิจักรวาลคือมีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลางณยอดเขาพระสุเมรุอันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางและโลกและจักรวาลล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิหลังจากนั้นเดินทางกลับมายังมัณฑะเลย์
เย็น นำท่านแวะ วัดกุสินารา ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์นำท่านเดินทางสู่เขา Mandalay Hill ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง เขาลูกนี้สูง 240 เมตร ซึ่งเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดของเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งอยู่บนยอดเขา สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองมัณฑะเลย์เกือบทั้งเมือง ชมพระอาทิตย์ลับฟ้าอันสวยงามบนยอดเขามัณฑะเลย์
ค่ำ บริการอาหารค่ำ เมนูพิเศษ กุ้งแม่น้ำเผา
ที่พัก Hazel Hotel ณ เมืองมัณฑะเลย์ (หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว)
วันที่ห้า ร่วมพิธีล้างหน้าพระพักตร์พระมหามัยมุณี – กรุงเทพฯ๒๕.กค.
04.00 น. นำท่านนมัสการ พระมหามัยมุนี อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด 1 ใน 5 แห่งของพม่า
พระมหามัยมุนี ถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ที่ได้รับการขนานนามว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” ที่พระเจ้ากรุงยะไข่ทรงหล่อขึ้นที่เมืองธรรมวดี เมื่อปี พ.ศ. 689 สูง 12 ฟุต 7 นิ้ว หุ้มด้วยทองคำเปลวหนา 2 นิ้ว ทรงเครื่องประดับทองปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 9 ฟุต ในปี พ.ศ. 2327 พระเจ้าปดุงได้สร้างวัดมหามุนี หรือวัดยะไข่ (วัดอาระกันหรือวัดพยาจี) เพื่อประดิษฐานพระมหามัยมุนี และในปี พ.ศ.2422 สมัยพระเจ้า สีปอ ก่อนจะเสียเมืองพม่าให้อังกฤษได้เกิดไฟไหม้วัดทองคำ จึงทำให้ทองคำเปลวที่ปิดพระละลายเก็บเนื้อทองได้นํ้าหนักถึง ชาวพม่าได้เรี่ยไรเงินเพื่อบูรณะวัดขึ้นใหม่ มีขนาดใหญ่กว่าเดิม โดยสายการออกแบบของช่างชาวอิตาลีจึงนับได้ว่าเป็นวัดที่สร้างใหม่ที่สุดแต่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สุดในเมืองพม่า โดยรอบ ๆ ระเบียง
จากนั้นกลับโรงแรม
07.00 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง อมรปุระ (Amrapura) เมืองแห่งผู้เป็นอมตะซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นราชธานีเพียง 76 ปี แห่งหนึ่งของพม่าก่อนที่จะย้ายมายอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ในปี พ.ศ.2400
ชม สะพานไม้อูเบ็ง (U-Ben) สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก เสาของสะพานใช้ไม้สักถึง1,208 ต้นซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี สะพานอูเบ็ง สร้างจากไม้สักที่รื้อถอนจากพระราชวังเก่ากรุงอังวะ โดยพระเจ้าปดุงให้ขุนนางชื่ออูเบ็งคุมงานก่อสร้างสะพานแห่งนี้เลยตั้งชื่อตามผู้คุมทอดข้ามทะเลสาบคองตามัน ไปสู่วัดจอกตอจี ซึ่งมีเจดีย์ที่สร้างตามแบบวัดอนันดาแห่งพุกาม ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังทีเป็นศิลปะชาวกรุงศรีอยุธยาที่ถูกกวาดต้อนตอนเสียกรุงให้มาอยู่ในอาณาบริเวณแถบนี้นั่นเอง
ได้เวลาสมควร นำทุกท่านเดินทางกลับสู่ สนามบินมัณฑะเลย์
12.50 น. ออกเดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดย สายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 245 ** มีบริการอาหารร้อนและเครื่องดื่มบนเครื่อง **
15.15 น. เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ
เงื่อนไขโปรแกรมทัวร์
ราคา ๒๔,๕๐๐
-อัตราค่าบริการนี้รวม
-ค่าบริการรถตู้ปรับอากาศ เดินทางไป-กลับพร้อมคณะ
-ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ และค่ายานพาหนะทุกชนิดสำหรับนำเที่ยว ตามที่ระบุไว้ในรายการ
-ค่ารถรับส่งระหว่างสนามบิน-โรงแรมที่พัก
-ค่ามัคคุเทศก์ผู้ชำนาญเส้นทางดูแลตลอดการเดินทาง
-ค่าธรรมเนียมน้ำมันและค่าประกันภัยการเดินทางที่มีการเรียกเก็บจากสายการบิน ซึ่งเป็นอัตราเรียกเก็บ ณ วันที่ทำการจอง
-ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %
-ค่าประกันชีวิตกรณีอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทาง คุ้มครองในวงเงินไม่เกินท่านละ 2,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลกรณีอุบัติเหตุในวงเงินไม่เกิน ท่านละ 500,000
** หมายเหตุ โปรแกรมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม โดยถือประโยชน์และความปลอดภัยญาติธรรมเป็นสำคัญ
พระอธิการยุทธนา จิรฏฺฐิโก โทร. 064-195-6777